เมื่ออาจารย์เข้ามานั่งในห้อง พวกเราก็ได้รู้จักวิชาที่เรียนและอาจารย์ผู้สอน แล้วอาจารย์ก็ได้รู้จักนักเรียนจากการแนะนำตัวของพวกเราทุกคน
อาจารย์ท่านได้อธิบายอย่างคร่าวๆเกี่ยวกับความหมายความสำคัญของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา การจัดหา เลือกใช้สื่อในการเรียนการสอน การเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาให้เหมาะสมกับสภาพห้องเรียน การผลิตสื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ และอื่นๆอีกมากมาย
อาจารย์ได้แจกแนวการสอน ซึ่งมีทั้งหมด ๑๒ หน้า(เยอะมากคะ ) แนวการสอนละเอียดมากมีข้อมูลครบถ้วน ชัดเจน หลังจากนั้นท่านก็อธิบายเกี่ยวกับแนวการสอน
ในสับดาห์นี้อาจารย์มอบหมายงานให้ทำ มีทั้งงานที่ต้องส่ง เช่น ลักษณะของครูที่ดี จรรยาบรรณของครู เขียนโครงการ เป็นต้น และมีงานที่อาจารย์ให้ไปศึกษาเพิ่มเติม เช่น Photo Shop ,Power Point, และ Swot เป็นต้น และการสร้างWeb Blog ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีการทำ Port Folio ด้วย
อารจารย์ท่านมีเอกสารเกี่ยวกับเกณฑ์การพิจารณาผลงานนักศึกษามาแจกด้วย ในนั้นมีเนื้อหาอย่างละเอียดแล้วท่านก็ชี้แจงให้ฟัง
ก่อนเลิกเรียนอาจารย์ก็มีเนื้อเพลงและบทสวดมนต์แจก ก่อนจากกันอาจารย์ท่านให้สวดมนต์เพื่อให้มีสติ สมาธิ, ร้องเพลงค่าน้ำนม เพื่อระลึกถึงพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ,ร้องเพลงพระคุณที่สาม เพื่อระลึกถึงพระคุณครู อาจารย์ ผู้อบรมสั่งสอน, และสุดท้ายสวดบทแผ่เมตตา เพื่อให้มีจิตใจเมตตากรุณา
การเรียนวิชานี้ จากการสอนของอาจารย์ท่านทำให้รู้ว่า เราไม่ได้เรียนแค่วิชาเทคโนโลยีการศึกษา สิ่งที่ได้รับไม่ใช่แค่ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเท่านั้น อาจารย์ท่านได้ปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ และมีประโยชน์ให้กับพวกเรา ทั้งด้านจริยธรรม คุณธรรม ท่านก็สอน ทั้งๆที่เราไม่ได้กำลังนั่งเรียนวิชาคุณธรรมจริยธรรม แต่เพื่อให้เราเป็นคนดีและนำความดีไปถ่ายทอดให้กับเด็กต่อไป ท่านรู้ว่าต่อไปเราต้องไปเป็นครูท่านจึงไม่ละเว้นที่จะสอนสิ่งที่เราจะต้องมีและจะต้องนำไปใช้ นอกจากนี้ท่านยังสอนให้พวกเรารู้จักทำงาน ทำผลงานที่มีคุณภาพด้วยความสามารถของเราเอง เพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น อาจารย์ท่านไม่ได้คิดจะสอนเราให้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ภาคเรียนนี้เท่านั้น แต่ท่านอยากที่จะสอนเราให้เรานำความรู้ที่ได้ไปผลักดันตัวเราสู่จุดมุ่งหมายที่ดี
ความรู้เพิ่มเติม
จรรยาบรรณวิชาชีพครู 9 ข้อ
คุรุสภา ได้ออกจรรยาบรรณครู 9 ข้อ เมื่อปี พ.ศ. 2539 ความว่า....
1. ครูต้องรักและเมตตาต่อศิษย์ ให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียน โดยเสมอหน้า อาทิ การสร้างความรู้สึกที่เป็นมิตร เป็นที่พึ่งพาและไว้วางใจได้ของศิษย์
2. ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝนสร้างเสริมความรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามให้เกิดแก่ศิษย์อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ อาทิ การตอบข้อเสนอและการกระทำของศิษย์ในทางสร้างสรรค์
3. ครูต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และใจ
4. ครูต้องไม่ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์
5. ครูต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ใช่ให้ศิษย์กระทำการใด ๆ อันเป็นการหาประโยชน์ ให้แก่ตนโดยมิชอบ
6. ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ วิสัยทัศน์ และการเมืองอยู่เสมอ
7. ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครูและเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพครู
8. ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์
9. ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
กาลามสูตร มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่
- อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
- อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
- อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
- อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
การวิเคราะห์ SWOT เป็นวิธีการหรือเครื่องมือในการวิเคราะห์องค์กรเพื่อการวางแผนในการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร
ที่ส่วนใหญ่ใช้ในองค์กรภาคธุรกิจ เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายในกิจการและลักษณะงานต่าง ๆ รวมทั้งองค์กรในภาครัฐ ในหน่วยงานทางการศึกษาก็นิยมนำมาใช้วิเคราะห์สภาพขององค์กร
การวิเคราะห์องค์กรโดยใช้ SWOT Analysis มีประเด็นในการวิเคราะห์หลัก ๆ คือ
1. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก
2.การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน
http://fin.in.th/archives/247
การเขียนโครง
การประกอบด้วย
-ชื่อโครงการ
-หลักการและเหตุผล
-วัตถุประสงค์
-ขั้นตอนการดำเนินงาน
-สถานที่
-ระยะเวลา
-งบประมาณ
-ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น