วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สัปดาห์ที่3 ของการเรียน

           วันนี้เช่นเคย สวดมนต์และร้องเพลง แล้วก็เข้าสู่การเรียน
วันนี้อาจารย์สอนเกี่ยวกับ 
1.ความหมาย ประเภทและประโยชน์ของสื่อการเรียนการสอน 
2.กรวยประสบการณ์ของ เอดการ์ เดล
3.ความหมาย ขอบข่าย และความสำคัญของเทคโนโลยี และนวัตกรรมการศึกษา
4.กระบวนการสื่อสาร
5.การรับรู้ของมนุษย์                                 
                                       สื่อการเรียนการสอน
         สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพประเภทของสื่อการเรียนการสอนสื่อการเรียนการสอนแบ่งตามคุณลักษณะได้ 4 ประเภทคือ
.......1. สื่อประเภทวัสดุ ได้แก่สไลด์ แผ่นใส เอกสาร ตำรา สารเคมี สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และคู่มือการฝึกปฏิบัติ
.......2. สื่อประเภทอุปกรณ์ ได้แก่ของจริง หุ่นจำลอง เครื่องเล่นเทปเสียง เครื่องเล่นวีดิทัศน์ เครื่องฉายแผ่นใส อุปกรณ์และเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ
.......3. สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ ได้แก่การสาธิต การอภิปรายกลุ่ม การฝึกปฏิบัติ การฝึกงาน การจัดนิทรรศการ และสถานการณ์จำลอง
.......4. สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ ได้แก่คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) การนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer presentation) การใช้ Intranet และ Internet เพื่อการสื่อสาร (Electronic mail: E-mail) และการใช้ WWW (World Wide Web)

                         สื่อแบ่งตามประสบการณ์การเรียนรู้
     เอดการ์ เดล ได้แบ่งสื่อการสอนโดยสร้างเป็น “กรวยประสบการณ์”  เพื่อเป็นแนวทางในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อโสตทัศน์ประเภทต่างๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงขั้นตอนของประสบการณ์การเรียนรู้และการใช้สื่อแต่ละประเภทในกระบวนการเรียนรู้ด้วย โดยแบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

กรวยประสบการณ์ของ เอดการ์ เดล





                 
         โครงสร้างและองค์ประกอบของกระบวนการสื่อความหมาย          กระบวนการสื่อความหมายจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ต้องประกอบด้วยโครงสร้างและองค์ประกอบดังนี้
              
1. ผู้ส่ง (Source or Sender) คือ แหล่งกำเนิดสารหรือบุคคลที่มีเจตนาจะส่งสารไปยังผู้รับ
อาจเป็นคน สัตว์ องค์การ หรือหน่วยงาน
               2. สาร (Message) คือ เนื้อหา สาระ ความรู้สึก ทัศนคติ ทักษะ ประสบการณ์ ที่มีอยู่ในตัวผู้ส่ง
หรือแหล่งกำเนิด
               3. ช่องทาง (Channel) คือ ช่องทางต่าง ๆ ที่ใช้ในการรับรู้สาร ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยอาศัย
สื่อต่าง ๆ เป็นพาหะ เช่น รูป เสียง ความรู้สึกสัมผัส กลิ่น รส เป็นต้น
               4. ผู้รับ (Receiver) คือ บุคคล องค์การ หรือหน่วยงาน ที่รับรู้สารจากผู้ส่ง เข้าสู่ตนเองโดยผ่าน
ช่องทางและสื่อต่าง ๆ ในข้อ 3
                                  ประสาทสัมผัส
     ประสาทสัมผัส ที่ทำให้เกิดความรู้สึกสัมผัส เช่น ตาดู หูฟัง จมูกได้ กลิ่น ลิ้นรู้รส และผิวหนังรู้ร้อนหนาว


*****อาจารย์สั่งงานว่าไปศึกษาเกี่ยวกับ เอดการ์ เดล และวิธีระบบ
ก่อนเลิกเรียนก็เช่นเคย แผ่เมตตา แล้วกลับบ้านได้

            

        

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สัปดาห์ที่ 2 ของการเรียน

        เช้านี้ขึ้นมาบนห้องก็เห็นอาจารย์นั่งรอ ท่านมาแต่เช้าเลย เมื่อนักศึกษามาครบก็เข้าสู่การสวดมนต์, ร้องเพลงค่าน้ำนม(อาจารย์ให้ต่อโทรศัพท์หาพ่อกับแม่แต่หนูไม่กล้า...อายอะคะ), เพลงพระคุณที่สาม และเพลงแม่พิมพ์ของชาติ (อาจารย์ร้องให้ฟัง ก่อนที่จะร้องพร้อมกับท่าน) เมื่อร้องเพลงจบก็เข้าสู่การเรียน
         วันนี้ก็เช่นเคย อาจารย์ท่านสอนคุณธรรม จริยธรรมควบคู่ไปกับวิชาการ อาจารย์ให้อ่านเอกสารเกณฑ์การพิจารณาผลงานนักเรียน หลายหัวข้อเลย เช่น หลักการของบทเรียนโปรแกรม, ลักษณะของบทเรียนโปรแกรม ชนิดของบทเรียนโปรแกรม, ประโยชน์ของบทเรียนโปรแกรมต่อผู้เรียน และประโยชน์ของบทเรียนโปรแกรมต่อผู้สอน เป็นต้น และท่านก็อธิบายให้ฟังทีละหัวข้ออย่างละเอียด หลังจากนั้นท่านได้สอนอีกหลายเรื่อง เช่น การทำคู่มือการผลิตและการใช้บทเรียน PowerPoint แบบโปรแกรม, หลักการเลือกสีพื้น, ขั้นตอนการสืบค้นข้อมูล, 4M(ให้เพิ่มในโครงการ) และอาจารย์ก็อธิบายเนื้อหาของทฤษฎีสี, แผนภูมิ และกรวยประสบการณ์ของเอดการ์เดล ซึ่งเราต้องใช้ในการทำบทเรียน PowerPoint แบบโปรแกรม ท่านชี้แจงให้ฟังโดยละเอียดว่าจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้างในบทเรียนที่เราจะผลิตขึ้นเพื่อลดข้อผิดพลาดของงาน จะได้ไม่ต้องแก้ใขหลายรอบ
           อาทิตย์หน้าอาจารย์บอกว่าจะให้สอบร้องเพลง 5 คน ไม่ต้องดูเนื้อร้อง ดังนั้นต้องไปฝึกมาอย่างดี อาจารย์ท่านเจ็บคอ ไม่สบาย แต่ท่านก็สอนเราตั้งแต่เช้าจวบจนหมดเวลา  ก่อนจากกันก็เช่นเคย สวดบทแผ่เมตตา แล้วกลับบ้านได้

            สิ่งที่จดบันทึก
ในโครงการต้องมีหลัก 4 M ดังนี้
Man = กำลังคน
Money = เงิน

Materials = วัสดุในการดำเนินงาน
Management = การจัดการ
           ขั้นตอนการผลิตสื่อ
1.สืบค้นข้อมูล
2.เรียบเรียงใน Word
3.เขียนบท
4.ทำPowerPoint
5.ใส่เงื่อนไข
6.จบ ขอบคุณผู้ชม
7.ขอบคุณผู้ช่วยเหลือ

               Title
-ว่าง
-แถบสี
-จางออก
-แบบสุ่ม
-โลโก้ มหาลัย
-โลโก้คณะ
-โลโก้เอก
-ผู้จัดทำ
-เสนออาจารย์
-ว่าง
-ชื่อเรื่อง
                หลักการเลือกสีพื้น
-เลือกสีโทนเย็น
-สีอักษรตัดกับสีพื้น
-ใช้อักษรอ่านง่าย,เร็ว,ไม่มีเส้นเงา
-อักษรอย่าแน่นเกินไป
-เว้นขอบ
               

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สัปดาห์แรกของการเรียนวิชาเทคโนโลยีการศึกษา

           การเรียนเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่  ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔
เมื่ออาจารย์เข้ามานั่งในห้อง พวกเราก็ได้รู้จักวิชาที่เรียนและอาจารย์ผู้สอน แล้วอาจารย์ก็ได้รู้จักนักเรียนจากการแนะนำตัวของพวกเราทุกคน 
           อาจารย์ท่านได้อธิบายอย่างคร่าวๆเกี่ยวกับความหมายความสำคัญของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา การจัดหา เลือกใช้สื่อในการเรียนการสอน การเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาให้เหมาะสมกับสภาพห้องเรียน การผลิตสื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ และอื่นๆอีกมากมาย
          อาจารย์ได้แจกแนวการสอน ซึ่งมีทั้งหมด ๑๒ หน้า(เยอะมากคะ )  แนวการสอนละเอียดมากมีข้อมูลครบถ้วน ชัดเจน หลังจากนั้นท่านก็อธิบายเกี่ยวกับแนวการสอน
          ในสับดาห์นี้อาจารย์มอบหมายงานให้ทำ มีทั้งงานที่ต้องส่ง เช่น ลักษณะของครูที่ดี จรรยาบรรณของครู เขียนโครงการ  เป็นต้น และมีงานที่อาจารย์ให้ไปศึกษาเพิ่มเติม เช่น Photo Shop ,Power Point, และ Swot เป็นต้น  และการสร้างWeb  Blog ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีการทำ Port Folio ด้วย
             อารจารย์ท่านมีเอกสารเกี่ยวกับเกณฑ์การพิจารณาผลงานนักศึกษามาแจกด้วย ในนั้นมีเนื้อหาอย่างละเอียดแล้วท่านก็ชี้แจงให้ฟัง
             ก่อนเลิกเรียนอาจารย์ก็มีเนื้อเพลงและบทสวดมนต์แจก ก่อนจากกันอาจารย์ท่านให้สวดมนต์เพื่อให้มีสติ สมาธิ, ร้องเพลงค่าน้ำนม เพื่อระลึกถึงพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ,ร้องเพลงพระคุณที่สาม เพื่อระลึกถึงพระคุณครู อาจารย์ ผู้อบรมสั่งสอน, และสุดท้ายสวดบทแผ่เมตตา เพื่อให้มีจิตใจเมตตากรุณา
            การเรียนวิชานี้ จากการสอนของอาจารย์ท่านทำให้รู้ว่า เราไม่ได้เรียนแค่วิชาเทคโนโลยีการศึกษา สิ่งที่ได้รับไม่ใช่แค่ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเท่านั้น อาจารย์ท่านได้ปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ และมีประโยชน์ให้กับพวกเรา ทั้งด้านจริยธรรม คุณธรรม ท่านก็สอน ทั้งๆที่เราไม่ได้กำลังนั่งเรียนวิชาคุณธรรมจริยธรรม แต่เพื่อให้เราเป็นคนดีและนำความดีไปถ่ายทอดให้กับเด็กต่อไป ท่านรู้ว่าต่อไปเราต้องไปเป็นครูท่านจึงไม่ละเว้นที่จะสอนสิ่งที่เราจะต้องมีและจะต้องนำไปใช้ นอกจากนี้ท่านยังสอนให้พวกเรารู้จักทำงาน ทำผลงานที่มีคุณภาพด้วยความสามารถของเราเอง เพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น อาจารย์ท่านไม่ได้คิดจะสอนเราให้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ภาคเรียนนี้เท่านั้น แต่ท่านอยากที่จะสอนเราให้เรานำความรู้ที่ได้ไปผลักดันตัวเราสู่จุดมุ่งหมายที่ดี
     ความรู้เพิ่มเติม
จรรยาบรรณวิชาชีพครู 9 ข้อ
คุรุสภา  ได้ออกจรรยาบรรณครู 9 ข้อ เมื่อปี พ.ศ. 2539 ความว่า....
               1. ครูต้องรักและเมตตาต่อศิษย์ ให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียน โดยเสมอหน้า อาทิ การสร้างความรู้สึกที่เป็นมิตร เป็นที่พึ่งพาและไว้วางใจได้ของศิษย์
               2. ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝนสร้างเสริมความรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามให้เกิดแก่ศิษย์อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ อาทิ การตอบข้อเสนอและการกระทำของศิษย์ในทางสร้างสรรค์
               3. ครูต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และใจ
               4. ครูต้องไม่ปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์
               5. ครูต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ใช่ให้ศิษย์กระทำการใด ๆ อันเป็นการหาประโยชน์ ให้แก่ตนโดยมิชอบ
               6. ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ วิสัยทัศน์ และการเมืองอยู่เสมอ
               7. ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครูและเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพครู
               8. ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์
               9. ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย


               กาลามสูตร  มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่
  1. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
  2. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
  3. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
  4. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
  5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
  6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
  7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
  8. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
  9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
  10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
            SWOT คืออะไร………
    การวิเคราะห์ SWOT เป็นวิธีการหรือเครื่องมือในการวิเคราะห์องค์กรเพื่อการวางแผนในการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร
ที่ส่วนใหญ่ใช้ในองค์กรภาคธุรกิจ    เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายในกิจการและลักษณะงานต่าง ๆ รวมทั้งองค์กรในภาครัฐ      ในหน่วยงานทางการศึกษาก็นิยมนำมาใช้วิเคราะห์สภาพขององค์กร

การวิเคราะห์องค์กรโดยใช้  SWOT Analysis มีประเด็นในการวิเคราะห์หลัก ๆ คือ
1. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก
2.การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน
http://fin.in.th/archives/247

            การเขียนโครง
การประกอบด้วย
-ชื่อโครงการ
-หลักการและเหตุผล
-วัตถุประสงค์
-ขั้นตอนการดำเนินงาน
-สถานที่
-ระยะเวลา
-งบประมาณ
-ผลที่คาดว่าจะได้รับ